การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดสถานีไฟฟ้าอัจฉริยะหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ มุ่งมั่นพัฒนาระบบไฟฟ้า เพื่อก้าวเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งอนาคต
Release time:2016-05-10source:สวพ. FM 91
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ก่อสร้างสถานีไฟฟ้าหนองกี่ ตั้งอยู่ที่ ต.ทุ่งกระตาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ก่อสร้างภายใต้โครงการพัฒนาสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 5 เริ่มจ่ายไฟเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 โดยทำการจ่ายกระแสไฟฟ้าจำนวน 8 วงจร ครอบคลุมพื้นที่ อ.นางรอง (บางส่วน) ,อ.หนองกี่, อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ อ.หนองบุญมากและพื้นที่บางส่วนของ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา มีโหลดสูงสุด อยู่ที่ประมาณ 53 เมกกะวัตต์ มีผู้จำหน่ายไฟฟ้าขนาดเล็กมาก หรือ VSPP ที่ขายไฟขนานเข้าระบบจานวน 5 แห่ง รวมประมาณ 24 เมกกะวัตต์ มีผู้ใช้ไฟประมาณ 66,000 ราย
ปัจจุบันสถานีไฟฟ้าอัจฉริยะหนองกี่ ตามมาตรฐาน IEC 61850 ได้ดำเนินการทดลองใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้วเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2559 เป็นเวลาประมาณ 3 เดือนมาแล้ว ด้วยงบประมาณดำเนินการก่อสร้างประมาณ 22 ล้านบาท เป็นสถานีไฟฟ้าอัตโนมัติที่ทำงานตามกรอบมาตรฐาน IEC 61850 ครบถ้วนทุกฟังก์ชันเป็นที่แรกของประเทศไทย การดำเนินการปรับปรุงอุปกรณ์ป้องกันและระบบควบคุมที่สถานีไฟฟ้าหนองกี่แล้วเสร็จทั้งหมดและมีความพร้อมในการใช้งาน
PEA มุ่งมั่นพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อก้าวเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะแห่งอนาคต หรือ PEA Smart GRID พัฒนาอุปกรณ์ป้องกันและระบบควบคุมภายในสถานีไฟฟ้าหนองกี่ โดยร่วมมือกับบริษัท CYG SUNRI CO., LTD และบริษัท TC RENEWABLE ENERGY CO., LTD ในการติดตั้งและทดสอบอุปกรณ์ป้องกันและระบบควบคุมที่สถานีไฟฟ้าหนองกี่ อำเภอหนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ให้เป็น SMART Substation ตามมาตรฐาน IEC 61850 ในโครงการ Pilot Substation เปลี่ยนสัญญาณทุกอย่างจาก Analog ให้เป็น Digital ส่งผลให้การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่แตกต่างกันหรือซ้ำซ้อน สามารถรองรับการเชื่อมต่อสื่อสารข้อมูลของอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านเครือข่ายได้ง่ายขึ้นและไร้ขีดจำกัด โดยจะทำงานร่วมกันเป็นโครงข่ายทั้งระบบ สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องได้ รวดเร็ว ถูกต้องและแม่นยำ ทั้งนี้อุปกรณ์มาตรฐาน IEC61850 ทำให้อุปกรณ์ระบบควบคุมและระบบป้องกันทำงานได้อย่างสัมพันธ์กันมากขึ้น เวลาเกิดการลัดวงจรในระบบจำหน่าย ก็จะมีพื้นที่ไฟดับน้อยลงและสามารถใช้ฟังก์ชั่นประยุกต์ของอุปกรณ์ระบบควบคุมภายในสถานีไฟฟ้า ในการวิเคราะห์หาจุดเกิดเหตุข้อขัดข้อง และแยกแยะส่วนที่ขัดข้องนั้นออก พร้อมทั้งจ่ายไฟกลับคืนในส่วนที่เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการจัดหาอุปกรณ์ในการซ่อมแซมบำรุงรักษาสะดวกขึ้นเพราะอุปกรณ์แต่ละผลิตภัณฑ์สามารถเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ รวดเร็วเพราะใช้สาย Fiber Optic รวมทั้งลดต้นทุนการจัดหาสายทองแดงในปริมาณมาก
นอกจากนี้ยังสามารถรองรับกับโครงการ Smart Grid ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตในรูปแบบของการจัดการโครงข่ายไฟฟ้าแบบแหล่งผลิตกระจายตัว หรือ Distributed Generation Resources จากพลังงานทดแทนในรูปแบบต่างๆ เช่น เซลล์แสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวลได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้การรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลลดปัญหาภาวะโลกร้อน และสอดคล้องตามมาตรการการใช้พลังงานอย่างประหยัดของประเทศไทย